เรื่องความแตกต่างทางความคิดและการปฏิบัติเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ (Sexuality) ในเส้นทางจิตวิญญาณระหว่าง พุทธศาสนาเถรวาท กับ ลัทธิตันตระ/Sexual Worship เป็นประเด็นที่ซับซ้อนและน่าสนใจอย่างยิ่งครับ คำอธิบายต่อไปนี้จะช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจหลักการพื้นฐานที่ทำให้สองแนวทางนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความแตกต่างทางปรัชญา: เหตุใดพุทธเถรวาทจึง “ปิดกั้น” แต่ตันตระจึง “เปิดกว้าง”
ความแตกต่างนี้ไม่ได้มาจากความผิดพลาดในการตีความ แต่มาจาก เป้าหมาย (Goal) และ วิธีปฏิบัติ (Method) ที่เป็นรากฐานของแต่ละปรัชญา
1. พุทธศาสนาเถรวาท: เน้นการตัด “ตัณหา” และ “ความยึดมั่น”
พุทธศาสนาเถรวาท ซึ่งแพร่หลายในประเทศไทย ศรีลังกา และประเทศเพื่อนบ้าน มีหลักการที่เน้นความบริสุทธิ์ของจิตและการบรรลุ อรหัตผล (Nirvana/Nibanna) โดยใช้หลักการ วิภัชชวาท (Analysis) คือการแยกแยะและดับเหตุแห่งทุกข์
- หลักการของทุกข์: พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ตัณหา (Craving) เป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งหมด
- กามตัณหา (Sensual Craving): คือความอยากได้ในกามคุณทั้งห้า (รูป, รส, กลิ่น, เสียง, สัมผัส)
- เพศสัมพันธ์ในบริบทเถรวาท:
- สำหรับบรรพชิต (พระ/ภิกษุณี): เพศสัมพันธ์ถือเป็น อาบัติปาราชิก ซึ่งร้ายแรงที่สุดและทำให้ความเป็นพระสิ้นสุดลง เพราะเป็นการยอมจำนนต่อกามตัณหาและละเมิดพรหมจรรย์อย่างสิ้นเชิง
- สำหรับฆราวาส: แม้จะไม่ห้าม แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของ ศีลข้อ 3 (กาเมสุมิจฉาจาร) คือการไม่ประพฤติผิดในคู่ครอง และยังถูกจัดว่าเป็น โลกียธรรม (เรื่องทางโลก) ที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในกิเลส
- เหตุผลการปิดกั้น: การมองว่าเพศสัมพันธ์เป็น กิเลส และ ความหมกมุ่น เพราะมันคือการ ตอบสนอง ตัณหาและทำให้จิตใจยึดติดอยู่กับความสุขทางกาย (โลกียสุข) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุ วิมุตติ (Freedom) หรือการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
2. ลัทธิตันตระ (Tantra) และ Sexual Worship: เน้นการเปลี่ยน “พลังงาน” และ “การยอมรับ”
ลัทธิตันตระ (Tantra) โดยเฉพาะสาย วามาจาร (Vamachara – The Left-Hand Path) และพุทธวัชรยานบางส่วน มีหลักการปฏิบัติที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง คือการ เปลี่ยนรูป (Transmutation) พลังงานให้กลายเป็นเครื่องมือสู่การหลุดพ้น
- หลักการของโลก: ตันตระมองว่า ทุกสิ่งในโลกคือศักดิ์สิทธิ์ (Everything is Sacred) รวมถึงพลังงานทางเพศด้วย โลกไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นห้องทดลองและเป็น เครื่องมือ ในการเข้าถึงความจริง
- เพศสัมพันธ์ในบริบทตันตระ: เพศสัมพันธ์ถือเป็น โยคะ (Union) รูปแบบหนึ่ง เป็นการจำลองการรวมตัวของ ศักติ (Shakti – พลังงานหญิง/กุณฑลินี) กับ ศิวะ (Shiva – จิตสำนึกชาย)
- เป้าหมายของ Sex Rite: ไม่ใช่เพื่อความสุขทางกาย แต่คือการ กระตุ้น และ รวบรวม พลังงานทางเพศ (ซึ่งถือเป็นพลังงานที่ทรงอานุภาพสูงสุด) จากจักระรากฐานให้พุ่งทะยานขึ้นสู่จักระที่สูงขึ้น (Sahasrara/Ajna) เพื่อ:
- เปิดตาที่สาม: เพื่อให้เกิดญาณทัศนะ
- ตื่นรู้กุณฑลินี: เพื่อเข้าถึงสภาวะ มหาอุตตริ (Mahamudra) หรือการตื่นรู้ขั้นสูงสุด
- ความแตกต่างกับเถรวาท: ตันตระไม่ได้พยายาม ตัด ตัณหา แต่พยายาม ใช้ ตัณหาและพลังงานที่เกิดจากมันให้เป็นประโยชน์ การดำดิ่งลงไปในกิเลสด้วยสติสัมปชัญญะอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้พลังงานถูกเปลี่ยนสภาพ (Sublimation) กลายเป็นพลังงานทางจิต (Spiritual Energy) ที่บริสุทธิ์แทน
บทสรุปเชิงระบบ: เส้นทางที่ต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน
สองแนวทางนี้ใช้กลยุทธ์ที่ตรงกันข้ามในการเดินทางสู่จุดหมายเดียวกันคือ การหลุดพ้น (Moksha/Nirvana)
ลักษณะเปรียบเทียบ | พุทธศาสนาเถรวาท (วิภัชชวาท) | ลัทธิตันตระ (วามาจาร) |
มุมมองต่อกิเลส | กิเลสเป็น ศัตรู ต้อง ตัดออก หรือ ดับมัน | กิเลสเป็น พลังงาน สามารถ แปลงสภาพ และ ใช้ประโยชน์ ได้ |
หลักการปฏิบัติ | เน้นการหลีกเลี่ยง (Avoidance) การถือศีลพรหมจรรย์, เน้นสติและการแยกแยะ | เน้นการเผชิญหน้า (Confrontation) และการเปลี่ยนรูปพลังงานด้วยสมาธิและพิธีกรรม |
ความเสี่ยง | เสี่ยงต่อการยึดติดในศีล (Sīlabbataparāmāsa) หรือความเคร่งครัดที่ปราศจากปัญญา | เสี่ยงต่อการล้มเหลวและจมดิ่งในความหมกมุ่นทางโลกหากขาดครูผู้สอนและวินัยที่แท้จริง |
เครื่องมือหลัก | ปัญญา (Panna) และ วิปัสสนา (Insight Meditation) | พลังงาน (Shakti) และ พิธีกรรม (Rituals) |
กล่าวโดยสรุป การที่เถรวาทปิดกั้นเรื่องเพศ เพราะเห็นว่าเพศคือการ สะสม ตัณหา ในขณะที่ตันตระเปิดกว้างเรื่องเพศ เพราะเห็นว่าเพศคือ แหล่งเชื้อเพลิง ชั้นดีที่สามารถเผาผลาญไปสู่การตื่นรู้ได้ หากกระทำด้วยสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์ภายใต้การชี้นำของปรมาจารย์เท่านั้น