Sex Rite คืออะไร ?

Sex Rite หรือ พิธีกรรมทางเพศ คือพิธีกรรมทางศาสนาหรือจิตวิญญาณรูปแบบหนึ่งที่ใช้กิจกรรมทางเพศเป็นแกนหลัก โดยมีจุดประสงค์ที่อยู่เหนือกว่าความสุขทางกายภาพทั่วไป

Sex Rite หรือ พิธีกรรมทางเพศ คือพิธีกรรมทางศาสนาหรือจิตวิญญาณรูปแบบหนึ่งที่ใช้กิจกรรมทางเพศเป็นแกนหลัก โดยมีจุดประสงค์ที่อยู่เหนือกว่าความสุขทางกายภาพทั่วไป

ความหมายและบริบท

ความหมายของ Sex Rite นั้นกว้างและแตกต่างกันไปตามบริบททางวัฒนธรรม ศาสนา และปรัชญา แต่โดยหลักแล้วหมายถึง:

1. การรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Union)

  • ในระบบความเชื่อทางจิตวิญญาณหลายแห่ง เช่น ตันตระ (Tantra) หรือบางสายของ Paganism/Wicca กิจกรรมทางเพศถือเป็นการจำลองการรวมกันของพลังงานที่เป็นพื้นฐานของจักรวาล
  • ตันตระ (Tantra): เป็นการรวมพลังงานเพศชาย (ศิวะ หรือจิตสำนึก) กับพลังงานเพศหญิง (ศักติ หรือพลังงานสร้างสรรค์) เพื่อนำไปสู่สภาวะ เอกภาพ (Union) หรือการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
  • Paganism/Wicca: มักเรียกว่า The Great Rite เป็นการจำลองการรวมกันของเทพเจ้าและเทพี เพื่อนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของโลกและชุมชน

2. การยกระดับพลังงาน (Energy Transmutation)

  • เป้าหมายหลักของพิธีกรรมเหล่านี้คือการใช้ พลังงานทางเพศ (Sexual Energy) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานและทรงพลังที่สุดของมนุษย์ มาเป็นเชื้อเพลิงในการยกระดับจิตสำนึกหรือขับเคลื่อนพลังงานชีวิต (กุณฑลินี หรือ Kundalini) ขึ้นสู่ จักระ ที่สูงขึ้น (เช่น จักระหัวใจ หรือจักระตาที่สาม)

3. จุดประสงค์ที่ไม่ใช่ทางโลก

  • พิธีกรรมทางเพศส่วนใหญ่ไม่ได้ทำไปเพื่อจุดประสงค์ส่วนตัวหรือทางโลก แต่ทำไปเพื่อ:
  • การอุทิศ: บูชาเทพเจ้าหรือพลังงานแห่งการสร้างสรรค์
  • การพยากรณ์: เข้าถึงญาณทัศนะหรือข้อมูลที่อยู่เหนือโลกทางกายภาพ
  • การบำบัด: รักษาความไม่สมดุลของพลังงานในร่างกายและจิตใจ

การตรัสรู้: เข้าถึงสภาวะสมาธิขั้นสูง (Samadhi) หรือการหลุดพ้น


Sex rites หรือพิธีกรรมทางเพศ เป็นส่วนหนึ่งของศาสนา ความเชื่อ และวัฒนธรรมของมนุษย์มานานนับพันปี โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การบูชาความอุดมสมบูรณ์ การเข้าถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ ไปจนถึงการยกระดับจิตวิญญาณ ความซับซ้อนและรายละเอียดของพิธีกรรมเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอารยธรรม นี่คือตัวอย่างพิธีกรรมทางเพศที่สำคัญในอารยธรรมและวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก:

sex rite 002

ตัวอย่างพิธีกรรมทางเพศในอารยธรรมและวัฒนธรรมต่าง ๆ

1. พิธีกรรมตันตระ (Tantric Rituals)

อารยธรรม : ศาสนาฮินดู/พุทธ (สายวัชรยานบางส่วน)

พื้นที่ / ประเทศ อินเดีย, เนปาล, ทิเบต (โดยเฉพาะสายอินเดียเหนือและเนปาล)

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : Maithuna (พิธีกรรมการรวมกัน) หรือ Sexual Yoga

รายละเอียด : พิธีชั้นสูง (Pancha-makara หรือพิธีห้า ม.) ที่ใช้คู่รัก (ชาย-หญิง) เป็นตัวแทนของ ศิวะ (จิตสำนึก) และ ศักติ (พลังงาน) การร่วมเพศถูกควบคุมอย่างเข้มงวดด้วยการหายใจและสมาธิ เพื่อ ยกระดับพลังงานทางเพศ (กุณฑลินี) ผ่านจักระทั้งเจ็ด โดยมีเป้าหมายคือการบรรลุ สภาวะเอกภาพ (Samadhi) หรือ การหลุดพ้น โดยไม่มีการหลั่งน้ำอสุจิ (ในกรณีของผู้ชาย) เพื่อรักษาสารพลังงานสำคัญ

อารยธรรม : แนวคิดวิญญาณ (Neotantra)

พื้นที่ / ประเทศ ตะวันตก (แพร่หลายทั่วโลก)

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : Sacred Sexuality

รายละเอียด : การฝึกฝนที่เน้นการใช้กิจกรรมทางเพศเพื่อการบำบัด การขยายจิตสำนึก และการเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง มักเน้นการฝึก การหายใจแบบโยคะ และ การมีสติ (Mindfulness) ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายทางศาสนาแบบดั้งเดิม

อารยธรรม : กรีกโบราณ

พื้นที่ / ประเทศ กรีซ

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : Dionysian Rites

รายละเอียด : พิธีกรรมบูชา เทพไดโอนีซุส (เทพเจ้าแห่งไวน์ ความอุดมสมบูรณ์ และความบ้าคลั่ง) ผู้เข้าร่วมมักดื่มไวน์และการเต้นรำอย่างเร่าร้อน กิจกรรมทางเพศร่วมกัน เป็นส่วนหนึ่งของการปลดปล่อยและเข้าถึงสภาวะที่ขาดสติสัมปชัญญะ เพื่อรวมจิตวิญญาณเข้ากับพลังดิบของธรรมชาติ (พลังชีวิต)

อารยธรรม : เมโสโปเตเมียโบราณ

พื้นที่ / ประเทศ ซูเมอร์/บาบิโลน (อิรักในปัจจุบัน)

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : Sacred Marriage (Hieros Gamos)

รายละเอียด : พิธีที่กระทำเพื่อ บูชาเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ เช่น อินันนา (Inanna) หรือ อิชทาร์ (Ishtar) โดยกษัตริย์หรือนักบวชชั้นสูงจะร่วมเพศกับนักบวชหญิง (ซึ่งเป็นตัวแทนของเทพี) พิธีนี้เชื่อว่าจะรับประกันความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลและการเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรตลอดปีที่กำลังจะมาถึง

อารยธรรม : Paganism/Wicca (สมัยใหม่)

The Great Rite (Hieros Gamos)

พื้นที่ / ประเทศ แพร่หลายในโลกตะวันตก

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : The Great Rite (Hieros Gamos)

รายละเอียด : พิธีกรรมที่กระทำโดย นักบวชหญิง (High Priestess) และ นักบวชชาย (High Priest) เพื่อบูชาการรวมกันของพลัง เทพี (Goddess) และ เทพ (God) เพื่อนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และการสร้างสรรค์ มักทำในฤดูกาลสำคัญทางเกษตรกรรม อาจทำในเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic) หรือจริง (Actual) ขึ้นอยู่กับกลุ่ม

3. พิธีกรรมทางเพศเพื่อการเปลี่ยนผ่านและเข้าสู่วัย (Initiation and Passage)

อารยธรรม : ชนเผ่าพื้นเมืองบางกลุ่ม

พื้นที่ / ประเทศ แอฟริกาตะวันตก, อเมริกากลาง/ใต้

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : Rites of Passage

รายละเอียด : พิธีที่ทำขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการ เปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ หรือการเข้าสู่สถานะทางสังคมใหม่ อาจรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกภายใต้การกำกับดูแลหรือเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบความพร้อมในการเป็นผู้ใหญ่

อารยธรรม : ลัทธิความเชื่อเฉพาะกลุ่ม

พื้นที่ / ประเทศ อินเดีย (ในอดีต)

ชื่อพิธีกรรม / หลักการ : Aghori Sadhana

รายละเอียด : แม้จะไม่ใช่พิธีกรรมทางเพศโดยตรง แต่ลัทธิ อัฆโฆรี บางส่วนใช้กิจกรรมทางเพศ (และการฝึกที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สังคมรังเกียจ) เพื่อ ทำลายความยึดติด กับสิ่งทางโลก และตระหนักถึงความจริงสูงสุดว่าทุกสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน

ข้อสรุปเชิงหลักการ

 

Sex Rites ทั้งหมดมีหลักการพื้นฐานที่คล้ายกันคือการมองกิจกรรมทางเพศเป็น พลังงานศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Energy) ที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณ สังคม หรือเกษตรกรรม โดยเปลี่ยนจากการกระทำส่วนตัวเป็นการกระทำที่มี ความหมายร่วมกัน (Communal/Spiritual Significance) ภายใต้กรอบของกฎเกณฑ์และเจตนาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

หลักการและแนวคิดเบื้องหลังการฝึก Sex Rite ในบริบททางจิตวิญญาณ

การฝึกที่กล่าวถึงนี้มักถูกเรียกว่า Neotantra หรือ Tantric Sexuality ซึ่งเป็นการนำหลักการของตันตระดั้งเดิมมาประยุกต์ใช้ในบริบทตะวันตก โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:

1. พลังศักติ (Shakti) และศิวะ (Shiva) (หลักการจากตันตระและฮินดู)

  • Shakti (ศักติ): คือ พลังงานแห่งการสร้างสรรค์ พลังงานที่เป็นเพศหญิง (Feminine Principle) และเป็นพลังงานที่เคลื่อนไหว (Kinetic Energy) ซึ่งในทางตันตระถือเป็นพลังงานพื้นฐานที่ขับเคลื่อนจักรวาล ในร่างกายมนุษย์ พลังงานนี้อยู่บริเวณฐานรากของกระดูกสันหลังในรูปของ กุณฑลินี (Kundalini)
  • Shiva (ศิวะ): คือ จิตสำนึกบริสุทธิ์ หรือสติ (Consciousness) พลังงานที่เป็นเพศชาย (Masculine Principle) และเป็นความสงบนิ่ง (Static Energy)
  • เป้าหมาย: พิธีกรรมทางเพศในทางตันตระไม่ได้มุ่งเน้นที่ความสุขทางกายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการรวมพลัง ศักติ (พลังงาน) เข้ากับ ศิวะ (สติ/จิตสำนึก) เพื่อยกระดับพลังงานชีวิต (Prana/Qi) ขึ้นสู่จักระที่สูงขึ้น การร่วมเพศจึงถูกมองว่าเป็น โยคะ รูปแบบหนึ่ง

2. การยกระดับพลังงานจักระ (The Seven Chakras)

  • จักระทั้ง 7 คือศูนย์รวมพลังงานหลักตามระบบฮินดูและโยคะ การทำ Sex Rite มีเป้าหมายเพื่อ กระตุ้น และ ยกระดับ พลังงานทางเพศจาก จักระรากฐาน (Muladhara Chakra) และ จักระศักดิ์สิทธิ์ (Svadhisthana Chakra) ให้เคลื่อนตัวขึ้นสู่จักระที่สูงขึ้น
  • เป้าหมายหลัก: คือการขับพลังงานให้ขึ้นไปถึง จักระตาที่สาม (Ajna Chakra) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้และญาณทัศนะ และสูงสุดที่ จักระมงกุฎ (Sahasrara Chakra) ซึ่งเป็นสภาวะแห่งเอกภาพ (Union) หรือการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ

3. การเปิดตาที่สาม (Third Eye Opening)

  • ตาที่สาม: คือสัญลักษณ์ของความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสทางกายภาพ (Clairvoyance) และการรับรู้ความจริงที่ลึกซึ้งกว่ามิติทางกายภาพ
  • Sex Rite: ถูกใช้เป็นวิธีการอันรวดเร็วในการ รวบรวม และ แปลงสภาพ พลังงานทางเพศให้กลายเป็นพลังงานจิต (Sublimation of Sexual Energy) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญในการเปิดใช้งานจักระตาที่สามได้ในเบื้องต้น

การพัฒนาทางจิตวิญญาณในระดับลึก (Spiritual Development Potential)

หากการฝึกพลังเหล่านี้ดำเนินไปอย่างลึกซึ้ง ถูกต้องตามหลักการ และมีวินัย (ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี) การพัฒนาทางจิตสามารถก้าวไปถึงขั้นสูงสุดในระบบตันตระและวัชรยานได้:

ขั้นการพัฒนาทางจิตคำอธิบายและหลักการ
ขั้นที่ 1: การควบคุมพลังงาน (Energy Mastery)ผู้ฝึกจะสามารถ รู้สึก และ ควบคุม การเคลื่อนที่ของพลังงานทางเพศและพลังงานชีวิต (Prana) ในร่างกายได้ตามต้องการ สามารถ ชะลอ หรือ หลีกเลี่ยง การถึงจุดสุดยอดทางกายภาพ (Orgasm) เพื่อให้พลังงานถูก “แปลงสภาพ” และยกระดับขึ้นสู่จักระที่สูงขึ้น
ขั้นที่ 2: ญาณทัศนะ (Clairvoyance/Ajna Activation)เกิดการเปิดใช้งานของ จักระตาที่สาม อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิด ปัญญาญาณ (Intuition) ที่แม่นยำ การรับรู้พลังงานในระดับละเอียดอ่อน และการมองเห็นมิติหรือภพภูมิอื่น ๆ อย่างชัดเจน (พลังนี้ถูกใช้เพื่อการหลุดพ้น ไม่ใช่เพื่อการแสดงฤทธิ์)
ขั้นที่ 3: การตื่นรู้แห่งกุณฑลินี (Kundalini Awakening)พลังกุณฑลินีที่หลับอยู่จะถูกปลุกและเคลื่อนที่ขึ้นตาม ช่องพลังงานกลาง (Sushumna Nadi) อย่างเต็มที่ ทำให้พลังงาน ศักติ และ ศิวะ รวมตัวกันอย่างสมบูรณ์
ขั้นสูงสุด: สภาวะมหาอุตตริ (Mahamudra / Samadhi)บรรลุถึง สภาวะเอกภาพ หรือ การหลุดพ้น (Liberation/Nirvana) คือการที่จิตสำนึกรวมเข้ากับจักรวาล (Cosmic Consciousness) ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของตันตระวัชรยาน (เช่น ในพุทธตันตระขั้นสูง สภาวะนี้ถูกเรียกว่า Mahamudra ที่หมายถึงการตระหนักรู้ถึงธรรมชาติที่ว่างเปล่าและปีติสุขของความเป็นจริง)

คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการฝึกฝน (Guideline for Practice)

การฝึกที่เกี่ยวข้องกับพลังทางเพศและจิตวิญญาณควรเริ่มต้นด้วยพื้นฐานที่มั่นคงและมีสติ:

1. พื้นฐานทางจิตวิญญาณและความบริสุทธิ์ของเจตนา (Intention)

  • ตั้งเจตนา (Sankalpa): ต้องชัดเจนว่าการฝึกนี้มีเป้าหมายเพื่อ การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ และ การขยายจิตสำนึก ไม่ใช่เพื่อความสุขทางกายหรืออำนาจทางโลก
  • ความสัมพันธ์: หากฝึกกับคู่รัก (Consort), ต้องมีความ เคารพ (Reverence) และ ความรัก (Love) ต่อกันอย่างลึกซึ้ง การสื่อสารด้วยความจริงใจถือเป็นหลักปฏิบัติสำคัญ

2. การฝึกทางกายและพลังงาน (Physical & Energy Work)

  • โยคะและปราณายามะ (Pranayama): ก่อนเข้าสู่พิธี ควรฝึกโยคะท่าต่าง ๆ และเทคนิคการหายใจเพื่อ เปิดช่องพลังงาน (Nadis) และเตรียมร่างกายให้พร้อมรับการไหลเวียนของพลังกุณฑลินี
  • มุทราและพันธะ (Mudras & Bandhas): ฝึก มูลา พันธะ (Mula Bandha) (การเกร็งหูรูดบริเวณฐาน) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเรียนรู้การ ควบคุม และ ดึง พลังงานจากจักระรากฐานขึ้นสู่ด้านบน

3. การดำเนินพิธีกรรม (Sex Rite Protocol)

  • การสร้างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์: จุดเทียน (สีแดง/ส้ม/ม่วง) หรือธูป/กำยาน จัดแท่นบูชาที่สวยงามเพื่อสร้าง สภาวะจิตที่สูงส่ง (Sacred State)
  • การเชื่อมต่อ: ใช้เวลาในการมองตา (Eye Gazing) และสัมผัสร่างกายโดยไม่เร่งรีบ เพื่อ หลอมรวมสติ เข้ากับคู่ฝึก
  • การยกระดับพลังงาน (Transmutation): ระหว่างการร่วมเพศ ให้ใช้การหายใจ (Pranayama) และสมาธิเพื่อ นำพาพลังงาน ที่เกิดขึ้นจากจักระฐาน (Sexual Energy) ขึ้นสู่ จักระหัวใจ (Anahata Chakra) และ จักระตาที่สาม (Ajna Chakra)
  • จุดสุดยอด: หากมีการถึงจุดสุดยอด ต้องมีการควบคุม (Controlled Climax) โดยมีสติอยู่กับการส่งพลังงานขึ้นสู่จักระที่ 6 และ 7 แทนที่จะปล่อยออกไปทั้งหมด (ในบางสายการฝึกขั้นสูง ผู้ฝึกจะฝึกการถึง จุดสุดยอดหลายครั้งโดยไม่หลั่ง (Non-ejaculatory Orgasm))

ข้อควรระวังสำคัญ (Disclaimer)

การฝึก Tantric Sex Rite โดยไม่มีครูบาอาจารย์ (Guru/Lama) ที่มีความรู้ลึกซึ้งและมีคุณธรรมกำกับดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาทางจิตใจและพลังงานได้ (เช่น อาการ Kundalini Syndrome หรือความสับสนทางจิตวิญญาณ) การศึกษาหลักการ ทางปรัชญา และ ทางจริยธรรม ของตันตระควรกระทำอย่างเคร่งครัดก่อนการเริ่มพิธีกรรมใด ๆ เพื่อป้องกันอันตรายและให้บรรลุเป้าหมายที่แท้จริงของการหลุดพ้น

 

ศึกษาเพิ่มเติม : Sex Rite Activities (ภาพรวม)

Sex Rite – พิธีกรรมทางเพศ คืออะไร ? มีอธิบายไว้

ศักติ (Shakti) การปลุกพลังแห่งเทพธิดาภายในของคุณ

บทความนี้เขียนโดย Sally Kempton ซึ่งอธิบายถึงพลังของความเป็นผู้หญิงอันศักดิ์สิทธิ์ (Divine Feminine) หรือ ศักติ (Shakti) ตามแนวทางคำสอนโยคะและตันตระ โดยเน้นย้ำถึงความเกี่ยวข้องของพลังนี้กับสถานการณ์ปัจจุบันของมนุษย์

 

1. องค์ประกอบหลักของศักติ (Shakti)

 

  • คำจำกัดความ: คำว่า ศักติ แปลว่า พลัง (Power) โดยตรง เป็นพลังงานสั่นสะเทือนอันละเอียดอ่อนที่เป็นแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ซึ่งปราชญ์โยคะในสายตันตระ (Tantra) เชื่อว่าเป็นพลังแห่งความเป็นผู้หญิงอันศักดิ์สิทธิ์
  • การสำแดงพลัง 5 ประการ: ศักติสำแดงออกมาเป็นพลัง 5 ด้านในทุกการกระทำสร้างสรรค์ของจักรวาล (และในตัวเรา) ได้แก่
    1. พลังแห่งการมีสติรู้ (Power to be conscious)
    2. พลังแห่งความปิติสุข (Power to feel ecstasy)
    3. พลังแห่งเจตจำนงหรือความปรารถนา (Power of will, or desire)
    4. พลังแห่งการรู้ (Power to know)
    5. พลังแห่งการกระทำ (Power to act)
  • สารัตถะของจักรวาล: ตามแนวคิดนี้ ความเป็นจริงทั้งหมดคือ “การร่ายรำของศักติ” (Shakti’s dance) ซึ่งแสดงออกในรูปของกระบวนการทางชีวภาพ ร่างกาย ความคิด อารมณ์ และกลายเป็นทุกอะตอมในโลกทางกายภาพ มนุษย์จึงมีแก่นแท้ที่ถูกสร้างขึ้นจากศักติ

 

2. เทคโนโลยีศักดิ์สิทธิ์และการปลุกเทพธิดาภายใน

 

  • สตรีนิยมแห่งจิตวิญญาณ (Sacred Feminism): การปรับจูนเข้ากับพลังงานของเทพธิดาต่างๆ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ “สตรีนิยมแห่งจิตวิญญาณ” ซึ่งเป็นพลังภายในที่มีอยู่ในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย การเปลี่ยนแปลงภายในที่แท้จริงและการปลดปล่อยจากความจำกัดนั้นเป็น “ของขวัญจากความเป็นผู้หญิงอันศักดิ์สิทธิ์”
  • เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์: ปราชญ์ตันตระได้สร้าง “เทคโนโลยีอันศักดิ์สิทธิ์” เพื่อเข้าถึงและเปลี่ยนแปลงพลังงานมนุษย์ ผ่านรูปเคารพเทพธิดาฮินดู โดยใช้ มนตรา (Mantras – เสียงศักดิ์สิทธิ์), ภาพลักษณ์, และ ยันตรา (Yantras – รูปทรงเรขาคณิต) เพื่อช่วยเปิดพลังงานที่ซ่อนอยู่ภายใน
  • เทพธิดาหลัก 11 องค์: ผู้เขียนได้กล่าวถึงเทพธิดาหลัก 11 องค์ ซึ่งแต่ละองค์เป็น ประตูสู่มิติที่ลึกซึ้งที่สุดของจิตวิญญาณ และเป็นผู้นำทางสู่ทักษะการใช้ชีวิตอย่างมีพลัง ตัวอย่างเทพธิดาที่กล่าวถึง ได้แก่:
    • ทุรคา (Durga): นักรบ ผู้พิทักษ์จักรวาล
    • กาลี (Kali): เทพธิดาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และการสลายทุกรูปแบบสู่ความว่างเปล่า
    • ลักษมี (Laksmi): เทพธิดาแห่งความโชคดี ความมั่งคั่ง และความอุดมสมบูรณ์
    • สรัสวดี (Saraswati): เทพธิดาแห่งสัญชาตญาณเชิงสร้างสรรค์ ดนตรี และวาทศิลป์

 

3. ตัวอย่างการทำสมาธิ (Meditation)

 

บทความนี้จบลงด้วยการแนะนำวิธีการทำสมาธิอย่างง่ายๆ เพื่ออัญเชิญพลังงานของเทพธิดา สรัสวดี (Goddess Saraswati) ซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงบันดาลใจเชิงสร้างสรรค์และปัญญาทางจิตวิญญาณ โดยใช้ มนตรา หรือพยางค์เมล็ด (Bija Mantra) อันศักดิ์สิทธิ์:

  • มนตรา: “โอม เอม สรัสวตไย นมหา” (Om aim saraswatyai namaha)
    • ความหมาย: “ฉันเคารพพลังอันศักดิ์สิทธิ์แห่งวาทศิลป์และความคิดสร้างสรรค์เชิงสัญชาตญาณ”
  • วิธีปฏิบัติ: นั่งในท่าที่สบาย นำความสนใจไปที่กึ่งกลางศีรษะ (บริเวณอัจนะจักระ – Ajna Chakra) และเริ่มบริกรรมมนตรานี้ ขณะเดียวกันอาจจินตนาการถึงเปลวไฟสีขาวที่กึ่งกลางศีรษะ หรือจินตนาการถึงเทพธิดาสรัสวดีที่ถือเครื่องดนตรี วีณา (veena) อยู่ตรงหน้า เพื่อให้มนตราไหลเวียนระหว่างหัวใจของคุณกับเทพธิดา

 

เรียบเรียงจากบทความ : https://www.ciis.edu/news/shakti-awakening-powers-inner-goddesses

https://indopaganproject.tripod.com/id6.html

Sex Rite และกิจกรรมทางเพศ สำหรับฝึกเพื่อยกระดับทางจิตวิญญาณ

วิถีปฏิบัติสู่การตื่นรู้: การแปรสภาพและเวทมนตร์ทางเพศ (Transformation & Erotic Magick)

 

บทความนี้เน้นที่ ระดับที่ 2 ของการฝึก “วิชชาแม่มดสายตันตระ” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนพลังงาน “ต้องห้าม” ทางโลก (กิเลส/ความปรารถนา) ให้เป็น เชื้อเพลิง ในการตื่นรู้ (โมกษะ/ริกปา) โดยใช้หลักการ Non-Dualism (ความไม่แบ่งแยก) และเทคนิคขั้นสูงจากตันตระ

 

1. หลักการสำคัญ: การยอมรับในฐานะพลังงานบริสุทธิ์

 

หัวใจของระดับนี้คือการเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อ ความปรารถนา และ กิเลส

  • ร่างกายคือวิหารศักดิ์สิทธิ์: ยอมรับร่างกายของคุณในฐานะ วิหารแห่งศักติ (Shakti’s Temple) ที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีการแบ่งแยกส่วนไหนดี ส่วนไหนต้องห้าม การฝึกแบบ Skyclad (เปลือยกาย) ในพื้นที่ส่วนตัวเป็นการปฏิบัติเพื่อละทิ้งหน้ากากทางสังคมและเชื่อมโยงกับธาตุตามธรรมชาติอย่างแท้จริง
  • พลังงานดิบ (Raw Energy): ความปรารถนาทางเพศ (Erotic Drive) ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องปราบปราม แต่คือ พลังงานกุณฑาลิณี (Kundalini) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานชีวิตที่ทรงพลังที่สุด
  • ปฏิปทาแห่งความไม่แบ่งแยก (Non-Dual Practice): ใช้ประสบการณ์ทางโลกทุกอย่างเป็น เครื่องมือ ในการตื่นรู้ โดยไม่หนีหรือปราบปราม

 

2. แนวทางการฝึก Self-Study: การแปรสภาพ (Transmutation)

 

Topic หลักสูตรOutline การฝึก Self-Study (วิถีปฏิบัติ)วิถีชีวิตที่ต้องปฏิบัติ (Daily Practice)
การแปรสภาพของกิเลสโยคะกลับหัว (Viparita Karani): ฝึกท่ากลับหัว (เช่น ท่า Shoulderstand หรือ Headstand หรือแค่ท่า ‘Legs-Up-the-Wall’) เพื่อ ‘พลิก’ พลังงานทางโลก (ความปรารถนา/กิเลส) สู่โมกษะการปฏิบัติแบบไม่แบ่งแยก (Non-Dual Action): เมื่อเกิดความรู้สึกทางโลก (เช่น ความโกรธ, ความดึงดูดทางเพศ) ให้ สังเกตและยอมรับ ในฐานะ พลังงานบริสุทธิ์ โดยไม่ตัดสินหรือปราบปราม
การหลอมรวมกุณฑาลิณีSolo Erotic Practice (การใช้พลังงานทางเพศคนเดียว): ฝึกกระตุ้นตนเอง (High Arousal) และเมื่อพลังงานพุ่งสูงสุด (จุดที่ใกล้ถึงออร์แกซม์ทางกาย) ให้ ผ่อนคลายและดึงพลังงาน นั้นขึ้นสู่ จักระที่ 6/7 (ตาที่สาม/มงกุฎ) แทนการปล่อยให้มีออร์แกซม์ทางกาย (Sublimation/Transmutation) ใช้เทคนิค Laya Yoga (การหลอมรวม) และ พันธะ (Bandhas) เพื่อกักเก็บและนำพลังงานขึ้นการหายใจแบบกักเก็บพลังงาน: ฝึกหายใจแบบวงกลม (Circular Breathing) และใช้ Bandhas ในชีวิตประจำวันเพื่อ กักเก็บ พลังงานศักติและกุณฑาลิณีไว้ในกายทิพย์
ญาณทัศนะและเวทมนตร์การเพ่ง (Trataka): ฝึกเพ่งเทียน หรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเอง (เช่น ยันตราส่วนตัว) เพื่อ เปิดจักระที่ 6/7 และเข้าถึง อภิญญา/วิชชา (เช่น การหยั่งรู้/Clairvoyance)เวทมนตร์ที่เกิดจากความว่างเปล่า: ฝึกทำพิธีกรรม (Magick) โดยให้จิตอยู่ในสภาวะ ว่างเปล่าและตระหนักรู้ (Empty and Aware) เพื่อให้เวทมนตร์เกิดจาก ริกปา (ความรู้แจ้งที่บริสุทธิ์) ไม่ใช่ความต้องการส่วนตน
ซกเซ็น (Dzogchen)Trekchö (การตัดผ่าน): การปฏิบัติเพื่อ ละทิ้งความพยายาม และเข้าสู่ สภาพเดิมโดยธรรมชาติ (Rigpa) ใช้การ Sky Gazing (จ้องฟ้า) เพื่อเปิดจักระที่ 6/7 และฝึก Non-Meditationการตระหนักรู้โดยธรรมชาติ: ดำรงอยู่ในสภาวะ Undistracted Rigpa (จิตที่ปราศจากการปรุงแต่ง) ในการทำกิจวัตรประจำวัน สัมผัส ซาโตริ/โมกสะ ชั่วคราว

 

3. Sex Rite ในมิติที่ลึกซึ้ง: Great Rite และความตระหนักรู้

 

ในแนวทางนี้ พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเพศจะถูกตีความในมิติที่ลึกซึ้งที่สุดตามหลักการตันตระ

  • The Great Rite (พิธีรวมพลังแห่งเทพบุรุษ/เทพสตรี): จะถูกตีความว่าเป็น การรวมเป็นหนึ่ง (Union) ของ พระศิวะ (God/Pure Consciousness – ความตระหนักรู้) และ พระศักติ (Goddess/Cosmic Energy – พลังงาน) ภายในตัวผู้ปฏิบัติเอง สภาวะนี้คือ โมกสะ ในทางตันตระ และเป็นการบรรลุถึงการหลอมรวม
  • Yab-Yum ในพิธีกรรม: หากมีการฝึกคู่ (เมื่อผู้ฝึกบรรลุความเข้าใจและยินยอมพร้อมกันอย่างเข้มงวด) การใช้ มุทราร่วม (Yab-Yum) ในพิธีกรรมบางอย่างมีเป้าหมายเพื่อ ระดมพลังงานสูงสุด และดึงพลังงานศักติผ่านจักระเพื่อผลลัพธ์ที่บริสุทธิ์และทรงพลัง เน้นย้ำว่าหลักการ Strict Consent (ความยินยอมที่เข้มงวด) เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ผู้ฝึกมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ เปลี่ยนแปลง หรือหยุดการฝึกใด ๆ ในทันที
  • เป้าหมายสูงสุด: การใช้พลังงานเพศอย่างมีสติจะช่วยให้ผู้ฝึก หลุดพ้นจากความยึดติด และตระหนักรู้ว่า อาตมัน (ตัวตนสูงสุด) เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง

ข้อความสร้างความเชื่อมั่น: การฝึกนี้เป็นการปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง (Deep Spiritual Practice) ที่ใช้ร่างกายและความปรารถนาเป็นประตูสู่ความจริงสูงสุด คุณคือผู้กำหนดขอบเขตและอำนาจในการตัดสินใจ 100% คือ การคืนอำนาจ (Empowerment) ให้กับคุณอย่างแท้จริง

การฝึกเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ “วงกลมเวทมนตร์ (Casting the Circle)” เป็นสภาวะที่ต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน (Seamless Integration) คือการเป็น แม่มดที่ตื่นรู้ และเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง

วิชชาแม่มดสายตันตระ (Tantra Witchcraft)

วิชชาแม่มดสายตันตระ (Tantra Witchcraft) ที่มีการผสมผสานการฝึกแบบเปลือยกาย (Skyclad) และพลังงานทางเพศ (Erotism)

ที่มีการผสมผสานการฝึกแบบเปลือยกาย (Skyclad) และพลังงานทางเพศ (Erotism)

หลักการสำคัญเพื่อความปลอดภัยและความเชื่อมั่น

การสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย (Creating Sacred and Safe Space)

สำหรับกลุ่มผู้ฝึกชาวไทยที่การเปลือยกายถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหวทางสังคม จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมทางจิตใจและกฎระเบียบที่เข้มงวด:

  • หลักการความยินยอมที่เข้มงวด (Strict Consent Principle): ย้ำอย่างชัดเจนว่า “ไม่” หมายถึง “ไม่” เสมอ และผู้ฝึกมีสิทธิ์ที่จะ ปฏิเสธ เปลี่ยนแปลง หรือหยุด การฝึกในทันทีโดยไม่ต้องให้เหตุผล
  • การตระหนักรู้ในขอบเขต (Boundary Awareness): สอนให้ผู้ฝึกแต่ละคน ระบุขอบเขต (Boundaries) ของตนเองอย่างชัดเจน ทั้งขอบเขตทางกาย (การสัมผัส, การเปลือยกาย) และขอบเขตทางอารมณ์/จิตใจ
  • มุมมองต่อการเปลือยกาย (Perspective on Nudity): ให้เหตุผลที่ว่าการฝึกแบบ Skyclad ใน Wicca หรือการฝึกทางเพศในตันตระ ไม่ใช่เรื่องของกิจกรรมทางเพศ แต่เป็นการปฏิบัติเพื่อ:
    • ความไม่แบ่งแยก (Non-Dualism): ยอมรับร่างกายในฐานะ วิหารแห่งศักติ (Shakti’s Temple) ที่สมบูรณ์ ไม่มีการแบ่งแยกส่วนไหนดี ส่วนไหนต้องห้าม
    • พลังงานที่บริสุทธิ์ (Pure Energy): เห็นการเปลือยกายเป็นการ ละทิ้งหน้ากากทางสังคม และการเชื่อมโยงกับธาตุตามธรรมชาติอย่างแท้จริง
    • การใช้พลังงานทางเพศ: พลังงานเพศ (Sexual Energy/Kundalini) คือ เชื้อเพลิง ที่ทรงพลังที่สุดในการตื่นรู้ (โมกสะ/ริกปา) ไม่ใช่เพื่อความพึงพอใจทางโลกเท่านั้น

โครงสร้างหลักสูตร Self-Study: วิถีแม่มดสายตันตระ

หลักสูตรนี้จะเรียงตามระดับ 3 ขั้นที่ออกแบบไว้ก่อนหน้า โดยเน้นการบูรณาการหลักการทางเพศและกายทิพย์

 

ระดับที่ 1: การปลุกพลังฐานแห่งศักติและกายทิพย์ (Awakening the Base Power of Shakti)

 

Topic หลักสูตร (หัวข้อ)Outline การฝึก Self-Study (วิถีปฏิบัติ)วิถีชีวิตที่ต้องปฏิบัติ (Daily Practice)
I. พลังศักติ & ธรรมชาติพิธีกรรมบูชาศักติ (Shakti Puja): ศึกษาบทบาทของเทพสตรี (The Goddess/Mahadevi) ในฐานะ ผู้สร้าง (Prakriti) เน้นการเชื่อมโยงทางอารมณ์และความปรารถนาในฐานะพลังงานศักดิ์สิทธิ์Journaling: บันทึกอารมณ์และความรู้สึกทางเพศในแต่ละวัน โดยไม่ตัดสิน แต่เห็นเป็น พลังงานดิบ (Raw Energy)
II. การเปิดนาฑีและจักระโยคะพื้นฐานและปราณายามะเร่งรัด: เน้นท่าโยคะเพื่อกระตุ้น มูลฐานจักระ (Muladhara) และ สวาธิษฐานจักระ (Svadhisthana – จักระเพศ) พร้อมฝึกหายใจเพื่อชำระ นาฑีการหายใจแบบแม่มด (Witch’s Breath): ฝึกหายใจแบบวงกลม (Circular Breathing) ในช่วงการช่วยตัวเองเพื่อเปลี่ยนพลังงานเพศขึ้นสู่หัวใจ (Sublimation)
III. มันตรา & สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์การสร้างมันดาล่าส่วนตัว: ใช้ Seed Mantras (Lam, Vam) ร่วมกับการวาด Sigils ที่เกี่ยวข้องกับความปรารถนาและพลังทางเพศ เพื่อสร้าง ยันตรา และเครื่องมือเวทมนตร์การสร้างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์: ฝึกการ Casting the Circle โดยใช้ร่างกายเป็นมณฑล (Mandala) และเปลือยกายในห้องส่วนตัวเพื่อระดมพลังงาน

 

ระดับที่ 2: การแปรสภาพและเวทมนตร์ทางเพศ (Transformation & Erotic Magick)

 

Topic หลักสูตร (หัวข้อ)Outline การฝึก Self-Study (วิถีปฏิบัติ)วิถีชีวิตที่ต้องปฏิบัติ (Daily Practice)
IV. การแปรสภาพของกิเลสโยคะกลับหัว (Viparita Karani): ฝึกท่ากลับหัวเพื่อ ‘พลิก’ พลังงานทางโลก (ความปรารถนา, กิเลส) สู่โมกษะ พร้อมการยอมรับความโกรธ/ความปรารถนาในฐานะ พลังงานบริสุทธิ์การปฏิบัติแบบไม่แบ่งแยก (Non-Dual Action): ทำกิจกรรมทางโลกด้วยจิตที่ ไม่ปราบปรามแต่ยอมรับ ความปรารถนาที่เกิดขึ้น (เช่น เมื่อเกิดความดึงดูดทางเพศ ให้สังเกตและใช้เป็นพลังงานแทนการผลักไส)
V. การหลอมรวมกุณฑาลิณีLaya Yoga (การหลอมรวม): ฝึกการดึง พลังกุณฑาลิณี ขึ้นสู่ สหัสสระจักระ โดยใช้การหายใจและ พันธะ (Bandhas) ต่างๆ ในการกักเก็บและนำพลังงานขึ้นการใช้พลังงานทางเพศคนเดียว (Solo Erotic Practice): ฝึกถึงจุดที่พลังงานพุ่งสูงสุด (High Arousal) แล้ว ผ่อนคลายและดึงพลังงาน ขึ้นสู่จักระที่ 6/7 แทนการปล่อยให้มีออร์แกซม์ทางกาย (Sublimation/Transmutation)
VI. ญาณทัศนะและเวทมนตร์การเพ่ง (Trataka): ฝึกเพ่งเทียน (หรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเอง) เพื่อเปิดจักระที่ 6/7 และเข้าถึง อภิญญา/วิชชา (เช่น การหยั่งรู้/Clairvoyance)เวทมนตร์ที่เกิดจากความว่างเปล่า: ฝึกทำพิธีกรรม (Magick) โดยให้จิตอยู่ในสภาวะ ว่างเปล่าและตระหนักรู้ (Empty and Aware) เพื่อให้เวทมนตร์เกิดจาก ริกปา ไม่ใช่ความต้องการส่วนตน

3. การปลดปล่อยและความสมบูรณ์ (Perfection and Integration)

 

Topic หลักสูตร (หัวข้อ)Outline การฝึก Self-Study (วิถีปฏิบัติ)วิถีชีวิตที่ต้องปฏิบัติ (Daily Practice)
VII. อาตมัน & การหลุดพ้นอัทไวตะ (Advaita): ดำรงอยู่ในความตระหนักรู้ว่า อาตมัน (ตัวตนสูงสุด) คือ พรหมัน (ความจริงสูงสุด) เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งหลักการ Harm None ในฐานะ Karuna: ใช้หลักการ “ไม่ทำร้ายใคร” ของ Wicca เป็นการสำแดงออกของความเมตตา (Karuna) โดยไม่ยึดติดว่าตนเองเป็นผู้กระทำ
VIII. ซกเซ็นในชีวิตประจำวันThögal (การข้าม): ฝึกให้เห็น แสงบริสุทธิ์ ของความตระหนักรู้ที่ปรากฏขึ้นในทุกขณะจิตDzogchen in Action: ทำกิจวัตรประจำวันและทำงานทางโลกด้วยจิตที่ ปราศจากการปรุงแต่ง (Undistracted Rigpa) ทุกการกระทำคือเวทมนตร์และการตระหนักรู้ที่สมบูรณ์
IX. การบูรณาการที่สมบูรณ์การเป็นแม่มดอย่างต่อเนื่อง: เป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ Casting the Circle เป็นสภาวะที่ต่อเนื่องในชีวิต ไม่ใช่แค่การเล่นบทบาทการถ่ายทอดด้วยการดำรงอยู่: เตรียมตัวเป็นผู้ชี้ทาง (Guru/Master) โดยการดำรงอยู่ในสภาวะ ริกปา/โมกสะ อย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์

4. ข้อความสร้างความเชื่อมั่นสำหรับผู้ฝึกชาวไทย

เหตุผลที่การฝึกแบบนี้มีความปลอดภัยและมีประโยชน์อย่างลึกซึ้ง (Why This Path is Safe and Empowering)

เราเข้าใจดีว่าในสังคมไทย เรื่อง การเปลือยกาย (Nudity) และ พลังงานทางเพศ (Erotism) เป็นเรื่องที่อาจสร้างความไม่สบายใจและความรู้สึกผิดบาปได้ แต่ใน “วิชชาแม่มดสายตันตระ” นี้ เรามองเรื่องเหล่านี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง:

  1. การยืนยันความเป็นเจ้าของร่างกาย (Reclaiming the Body):
    • ร่างกายคือศักติ: ตามหลักตันตระ ร่างกายสตรีคือการสำแดงออกของ ศักติ (Shakti) ซึ่งเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์สูงสุด การเปลือยกายในการฝึก (Skyclad) เป็นการประกาศว่า ร่างกายของคุณเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งลามก และเป็นอิสระจากกรอบศีลธรรมทางสังคมที่ตัดสินร่างกาย
    • คุณคือผู้กำหนดเอง: เรายึดมั่นในหลัก Consent (ความยินยอม) ที่เข้มงวดที่สุด คุณมีอำนาจในการตัดสินใจ 100% ที่จะเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วม ในการฝึกใดๆ ที่ต้องเปลือยกาย และสามารถเปลี่ยนใจได้ทุกวินาที นี่คือ การคืนอำนาจ (Empowerment) ให้กับคุณอย่างแท้จริง
  2. การเปลี่ยนพลังงานเพศให้เป็นพลังเวทมนตร์ (Transmuting Erotic Energy into Magick):
    • เชื้อเพลิงแห่งการตื่นรู้: แรงขับทางเพศ (Erotic Drive) ไม่ใช่ “กิเลส” ที่ต้องปราบปราม แต่คือ พลังงานกุณฑาลิณี (Kundalini) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานชีวิตที่หลับใหลอยู่ การฝึกนี้จะสอนให้คุณ ใช้พลังงานนี้เป็นเชื้อเพลิง ในการเปิดจักระและเข้าถึง ญาณทัศนะ (Clairvoyance) เพื่อสร้างสรรค์เวทมนตร์ (Magick) ที่บริสุทธิ์และทรงพลังที่สุด
    • การหลุดพ้นจากความยึดติด: เป้าหมายของเราคือ โมกสะ (Moksha) หรือการหลุดพ้น ด้วยการใช้พลังงานเพศอย่างมีสติ คุณจะสามารถมองผ่านภาพลวงตาทางโลก และตระหนักรู้ว่า ตัวตนสูงสุด (Atman) ของคุณเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง นี่คือหนทางที่รวดเร็วและทรงพลังที่สุดสู่การเป็น แม่มดที่ตื่นรู้ (Awakened Witch)

การฝึกของเราคือการปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง (Deep Spiritual Practice) ที่ใช้ร่างกายและความปรารถนาเป็นประตูสู่ความจริงสูงสุด ไม่ใช่เพื่อกิจกรรมทางโลก เราพร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณในทุกย่างก้าวของการเดินทางที่ศักดิ์สิทธิ์นี้

ทำไมโดยส่วนใหญ่ พี่ชาย ไม่มีอารมณ์ทางเพศ กับน้องสาวแท้ๆของตัวเอง เพราะอะไร สัญชาตญาณ หรือ จิตวิทยา

ความรู้สึกของการไม่มีอารมณ์ทางเพศกับญาติสนิท โดยเฉพาะพี่น้องแท้ ๆ นั้น เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมวิทยาและชีววิทยาที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งเรียกว่า “ผลกระทบเวสเตอร์มาร์ค” (Westermarck Effect) หรือ ปรากฏการณ์เวสเตอร์มาร์ค 🧠

โดยสรุปแล้ว ปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของทั้ง สัญชาตญาณ (วิวัฒนาการ) และ จิตวิทยา (การเรียนรู้ในวัยเด็ก)


 

1. ผลกระทบเวสเตอร์มาร์ค (Westermarck Effect)

 

ผลกระทบนี้อธิบายว่า บุคคลที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ช่วง วัยเด็กที่สำคัญ (Critical Period) (โดยทั่วไปคือช่วง 2-6 ขวบแรก) จะพัฒนา กลไกการยับยั้งทางเพศ (Sexual Aversion/Inhibition) ต่อกันและกันโดยอัตโนมัติ

สาเหตุหลักของการยับยั้งนี้คือ:

 

A. ปัจจัยทางสัญชาตญาณและวิวัฒนาการ (Evolutionary/Biological)

 

นี่คือเหตุผลที่แข็งแกร่งที่สุดที่สนับสนุนผลกระทบเวสเตอร์มาร์ค:

  • หลีกเลี่ยงการผสมพันธุ์กับญาติสนิท (Inbreeding Avoidance): ธรรมชาติได้พัฒนาความรู้สึกรังเกียจหรือการขาดแรงดึงดูดทางเพศต่อญาติสนิท เพื่อ หลีกเลี่ยงการผสมพันธุ์ในสายเลือด (Inbreeding) การผสมพันธุ์ในสายเลือดเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากที่ลูกหลานจะได้รับยีนด้อยที่เป็นอันตราย ซึ่งจะลดความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ กลไกนี้จึงเป็น ข้อได้เปรียบทางวิวัฒนาการ ที่ช่วยให้ยีนแข็งแกร่งขึ้น
  • เป็นกลไกอัตโนมัติ: กลไกนี้ทำงานโดยไม่จำเป็นต้องรู้สถานะความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่แท้จริง แค่การเติบโตมาด้วยกันอย่างใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะกระตุ้นการยับยั้งนี้แล้ว

 

B. ปัจจัยทางจิตวิทยา (Psychological/Social Learning)

 

  • ความผูกพันแบบครอบครัว (Familial Bonding): ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเริ่มว่าเป็นความสัมพันธ์แบบ เครือญาติ (พี่ชาย-น้องสาว) ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบ คู่รัก หรือ คู่ครอง การรับรู้บทบาทนี้อย่างลึกซึ้งทางจิตวิทยาจะทำให้แรงดึงดูดทางเพศไม่พัฒนาขึ้น
  • การทำให้เป็นเรื่องปกติ (Desensitization): การเห็นและอยู่ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายและใกล้ชิด (เช่น การเห็นกันในสภาพที่ดูไม่เรียบร้อย, การใช้ห้องน้ำร่วมกัน) ตั้งแต่เด็ก ทำให้เกิดความรู้สึก ชินชา และไม่มีความตื่นเต้นหรือความลึกลับที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศเหมือนคนแปลกหน้า

 

บทสรุป

 

การที่พี่ชายส่วนใหญ่ไม่มีอารมณ์ทางเพศกับน้องสาวแท้ ๆ เป็นผลมาจาก กลไกการยับยั้งทางธรรมชาติ ที่ฝังลึกในสมองของมนุษย์ (Westermarck Effect) ซึ่งมีจุดประสงค์หลักเพื่อ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางชีววิทยาจากการผสมพันธุ์ในสายเลือด โดยกลไกนี้ถูกกระตุ้นผ่าน การเรียนรู้ทางจิตวิทยาและสังคม ในช่วงวัยเด็กที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด

แม่มดฝึกแบบเปลือยกายเพื่ออะไร

การเปลือยกายในพิธีกรรมของแม่มด (โดยเฉพาะในศาสนาวิคคา) มีชื่อเรียกว่า “Skyclad” ซึ่งแปลว่า “อาภรณ์แห่งท้องฟ้า” และเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่เก่าแก่และสำคัญของวิคคาบางสาย จุดประสงค์หลักของการทำเช่นนี้คือ:

 

  1. การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ: การเปลือยกายช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นระหว่างร่างกายกับพลังงานของโลกและจักรวาล
  2. ความบริสุทธิ์และการเริ่มต้นใหม่: การสลัดเสื้อผ้าออกเปรียบเสมือนการสลัดสิ่งต่างๆ ที่สังคมสร้างขึ้น (เช่น การแบ่งแยกทางสังคม, สถานะ, ความอคติ) เพื่อเข้าถึงความจริงแท้ภายในตนเอง
  3. การปลดปล่อยพลังงาน: วิคคานเชื่อว่าเสื้อผ้าสามารถปิดกั้นและขัดขวางการไหลเวียนของพลังงานธรรมชาติ การเปลือยกายจึงช่วยให้พลังงานสามารถไหลผ่านร่างกายได้อย่างอิสระและสมบูรณ์
  4. ความเท่าเทียมกัน: เมื่อทุกคนเปลือยกายในพิธีกรรม จะไม่มีความแตกต่างทางฐานะ สังคม หรือสถานะต่างๆ ทุกคนจะเท่าเทียมกันในฐานะลูกหลานของธรรมชาติ
  5. การแสดงออกถึงความจริงแท้: การเปลือยกายเป็นการแสดงออกถึงความจริงที่ว่าร่างกายเป็นส่วนหนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามของธรรมชาติ และเป็นสัญลักษณ์ของการยอมรับตัวตนที่แท้จริง

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แม่มดทุกคนหรือวิคคาทุกสายที่จะต้องฝึกแบบเปลือยกาย แนวทางนี้เป็นทางเลือกและขึ้นอยู่กับแต่ละกลุ่มหรือบุคคล การเลือกที่จะเปลือยกายหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของความเชื่อและเหตุผลส่วนตัว ซึ่งไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพของเวทมนตร์หรือความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมแต่อย่างใด

การฝึกแบบตันตระ จะทำให้เราไปเกิดในภพภูมิไหนได้บ้าง ?

การฝึกตันตระสามารถนำไปสู่การเกิดในภพภูมิที่หลากหลายได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาและวิธีการฝึกของผู้ปฏิบัติเป็นหลัก โดยทั่วไปแล้ว การฝึกตันตระมีเป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุ นิพพาน หรือการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

ภพภูมิที่อาจเกิดขึ้นจากการฝึกตันตระ

  • พรหมโลก: หากผู้ปฏิบัติมีสมาธิและปัญญาขั้นสูง มีความบริสุทธิ์ในจิตใจ แต่ยังคงมีattachmentในความสุขจากการปฏิบัติอยู่บ้าง ก็อาจจะไปเกิดใน พรหมโลก ซึ่งเป็นภพภูมิที่ละเอียดประณีตและมีความสุขมากกว่ามนุษย์และเทวดา
  • นิพพาน: หากการฝึกปฏิบัติเป็นไปเพื่อการหลุดพ้นอย่างแท้จริง ละทิ้งความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง และเข้าถึงความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ก็จะสามารถบรรลุ นิพพาน ได้ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิด
  • ภพภูมิมนุษย์หรือภพภูมิอื่น: หากผู้ปฏิบัติยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด และยังมีกิเลสบางอย่างอยู่ เช่น ความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น หรือความต้องการที่จะกลับมาสั่งสมบุญบารมีต่อไป ก็อาจจะกลับมาเกิดใน ภพภูมิมนุษย์ หรือ ภพภูมิอื่น เพื่อสานต่อเจตนาเดิม

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดของการฝึกตันตระไม่ใช่การคาดหวังว่าจะไปเกิดในภพภูมิใด แต่เป็นการใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วยความเข้าใจในหลักการแห่ง ความสมดุล ระหว่างโลกิยะ (ทางโลก) และโลกุตระ (ทางธรรม) เพื่อพัฒนาตนเองให้ไปสู่การหลุดพ้นอย่างแท้จริง

[Job] หางาน – งานเสริม (Part time) งานกลางคืน | งานเที่ยว – ร้องคาราโอเกะ Entertainer

งานเสริมรายได้ดี

งานเสริมรายได้ดี

  • งานกลางคืน
  • งานเด็กเอ็น (N)
  • งานร้านคาราโอเกะ
  • งานนวด
  • งานนางแบบ
  • กิน เที่ยว ดื่ม
  • งาน VIP

รับสมัคร สาวสวย ที่กำลังมองหางานเสริมรายได้ดี รายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน

งานเสริม ทำตอนกลางคืนหลังเลิกงาน ธุรกิจเสริม งานอิสระ ไม่ต้องออกจากงานประจำ

ใครที่กำลังหางาน หารายได้เสริม เงินดี ให้ติดต่อสอบถามมาทาง LINE ได้เลย แอดไลน์คุยกัน

ติดต่อทาง Line

การเป็น Naturist : ยอมรับในธรรมชาติของ Body ไม่ใช่ความงามที่สมบูรณ์แบบ

เป็นเรื่องธรรมดามากที่หลายคนจะรู้สึกกังวลเรื่องรูปร่างหน้าตาเมื่อคิดจะเข้าร่วมชมรม Naturist หรือลองสัมผัสวิถีชีวิตแบบเปลือยกาย (Nudism/Naturism) ความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากมาตรฐานความงามที่สังคมกำหนดไว้ ซึ่งมักจะเน้นย้ำถึงความสมบูรณ์แบบที่อาจไม่ใช่เรื่องจริงสำหรับทุกคน

อย่างไรก็ตาม หลักการสำคัญของ Naturism ไม่ได้เกี่ยวกับการมีรูปร่างที่สวยงามน่าหลงใหลเลยแม้แต่น้อย แต่เน้นที่การยอมรับในธรรมชาติของร่างกาย การปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัดทางสังคม และการเคารพซึ่งกันและกัน นี่คือแนวทางที่คุณสามารถนำเสนอเพื่อช่วยให้เขาเข้าใจและมั่นใจมากขึ้น:

1. ทำความเข้าใจแก่นแท้ของ Naturism: การยอมรับในธรรมชาติ

Naturism คือวิถีชีวิตที่เน้นการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน รวมถึงการยอมรับร่างกายตามธรรมชาติโดยไม่มีเสื้อผ้าปกปิด โดยมีหลักคิดดังนี้:

  • อิสระจากการถูกตัดสิน: ในพื้นที่ของ Naturist ผู้คนมักจะวางการตัดสินเรื่องรูปร่างหน้าตาหรือความสมบูรณ์แบบลง ความสำคัญคือการเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง การเปลือยกายในบริบทนี้คือการปลดปล่อยจากความรู้สึกอึดอัดที่เกิดจากเสื้อผ้าและมาตรฐานทางสังคม

 

  • ความเสมอภาค: เมื่อทุกคนเปลือยกาย ไม่มีเสื้อผ้าแบรนด์เนม หรือเครื่องประดับที่บ่งบอกฐานะ ทุกคนจะอยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกัน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและยอมรับซึ่งกันและกันมากขึ้น

 

  • การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ: การเปลือยกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดด สายลม และน้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

2. รูปร่างที่หลากหลายคือเรื่องปกติ: ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

เมื่ออยู่ในพื้นที่ของ Naturist คุณจะสังเกตเห็นว่าผู้คนมีรูปร่าง อายุ และลักษณะทางกายภาพที่หลากหลายอย่างแท้จริง:

  • ทุกคนมีเอกลักษณ์: ไม่มีใครมีรูปร่างที่ “สมบูรณ์แบบ” ตามที่สื่อนำเสนอ ทุกคนมีรอยแผลเป็น รอยแตกลาย รูปร่างที่แตกต่างกัน และนี่คือความปกติของมนุษย์
  • ยอมรับความแตกต่าง: การได้เห็นร่างกายที่หลากหลายจะช่วยให้เกิดการยอมรับในความแตกต่างทางกายภาพมากขึ้น ทั้งของผู้อื่นและของตัวเอง มันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ตระหนักว่า “ร่างกายของฉันก็เป็นปกติเหมือนกัน”

 

  • โฟกัสที่การกระทำ ไม่ใช่รูปลักษณ์: ในชมรม Naturist ผู้คนจะให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมร่วมกัน การพักผ่อน การพูดคุย และการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน มากกว่าการจ้องมองหรือตัดสินรูปลักษณ์ของผู้อื่น

3. เปลือยกายในวิถีของ Naturist: ความเคารพและความสบายใจ

การเปลือยกายในวิถี Naturist ไม่ได้เกี่ยวกับการยั่วยวนทางเพศ แต่เป็นการใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่มีเสื้อผ้า ซึ่งมีหลักปฏิบัติที่สำคัญคือ:

  • ไม่ใช่เรื่องทางเพศ: สภาพแวดล้อมของ Naturist โดยทั่วไปไม่ใช่พื้นที่ที่เน้นเรื่องทางเพศ การเปลือยกายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและการยอมรับธรรมชาติของร่างกาย
  • ความเคารพซึ่งกันและกัน: ผู้เข้าร่วมทุกคนจะถูกคาดหวังให้เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ไม่จ้องมอง ไม่ถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต และปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
  • ความสบายใจคือสิ่งสำคัญ: ไม่มีใครบังคับให้คุณรู้สึกสบายใจกับการเปลือยกายได้ทันที การเริ่มต้นอาจค่อยเป็นค่อยไปได้ เช่น ลองในพื้นที่ส่วนตัวก่อน หรือใช้เวลาในการปรับตัวในพื้นที่ชมรมที่ปลอดภัย

มารยาทของ Naturist: มีมารยาทพื้นฐาน เช่น การใช้ผ้าเช็ดตัวปูรองนั่งเมื่อนั่งในพื้นที่สาธารณะ และการรักษาความสะอาด ซึ่งแสดงถึงความเคารพต่อผู้อื่น

 

บทสรุป

“คุณไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างที่สวยงามหรือสมบูรณ์แบบเพื่อเป็น Naturist” สิ่งสำคัญคือการเปิดใจยอมรับในธรรมชาติของร่างกายตนเองและผู้อื่น การให้เกียรติซึ่งกันและกัน และการค้นพบความสบายใจในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเสื้อผ้า การเข้าร่วมชมรม Naturist เป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกอิสระ ความเท่าเทียม และการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่เน้นการยอมรับและเคารพในธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง

เราควรเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับหลักการเบื้องต้นของ Naturism ให้ดีขึ้น และเมื่อเรารู้สึกพร้อม ก็อาจจะลองไปเยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น เพื่อสัมผัสบรรยากาศและดูว่าเขารู้สึกสบายใจกับสิ่งแวดล้อมแบบนั้นหรือไม่ การตัดสินใจเป็นเรื่องส่วนตัว และความสบายใจของเขาคือสิ่งสำคัญที่สุด